Wednesday, April 6, 2016

บทคาถาชินบัญชร


พระคาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งขึ้น ก่อนเจริญภาวนาให้ตั้งนะโม จบ แล้วระลึกถึงและตั้งคำอธิษฐานว่า
ปุตตะกาโมละเภปุตตัง ธะนะกาโมละเภธะนัง
อัตถิกาเยกายะญายะ เทวานังปิยะตังสุตตะวา
อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ 

เริ่มบทพระคาถาชินบัญชร
.ชะยาสะนาคะตา พุทธา เชตะวา มารัง
สะวาหะนัง จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เยปิวิงสุ นะราสะภา
พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลาย ผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์
ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว
เสวยอมตรสคือ อริยะสัจธรรมทั้งสี่ประการ
เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์
.ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเก เต มุนิสสะรา
มี ๒๘ พระองค์คือ พระผู้ทรงพระนามว่า
ตัณหังกรเป็นอาทิ พระพุทธเจ้าผู้จอมมุนีทั้งหมดนั้น
.สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร
ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะพระธรรม
อยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก
.หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะวามะเก
พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจ พระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา
พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณทัญญะอยู่เบื้องหลัง
.ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะราหุโล
กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุงวามะโส ตะ เก
พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา
พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย
.เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว
มุนีผู้ประเสริฐคือ พระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดัง
พระอาทิตย์ส่องแสงอยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
.กุมาระกัสสะโป เถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก
โส มัยหัง วะทะเนนิจจัง ปะติฏฐาสิ คุณากะโร
พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ
มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ
.ปุณโณ อังคุลิมาโลจะ อุปาลี นันทะสีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเฏ ตีละกา มะมะ
พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี
พระเถระทั้ง นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก
.เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา
เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา ชะลันตา
สีละเต เชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา
ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือผู้มีชัยและเป็นพระโอรส
เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วน
รุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่
๑๐.ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะสุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง
พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้า พระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา
พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง
๑๑.ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะสุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา
พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตร
เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ
๑๒.ชิ นา นานา วะระสังยุตตา สัตตะปาการะลังกะตา
วาตะปิตตาทิสัญชาตา พาหิรัชฌัตตุปัททะวา
อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้
ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง
สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น
๑๓.อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะเตชะสา
วะสะ โต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร
ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ
เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม
แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน
อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดี เป็นต้น
เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ
๑๔.ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮีตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพเต มะหาปุริสาสะภา
ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น
จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร
ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดีฉะนี้แล 
๑๕.อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะปัญชะเรติ

ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพ แห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ 

Tuesday, March 22, 2016

แก้กรรมด้วยบุญ แก้บนที่จำไม่ได้

       
      การบนบานศาลกล่าว  คือ  การขอร้องให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือในสิ่งที่ตนเองต้องการอยากจะได้  หรืออยากให้เป็นไป  ถ้าท่านช่วยให้สำเร็จแล้วจะมาให้สิ่งตอบแทนตามที่เคยพูดไว้
คือ แก้บน  ศาสนาหลายๆ ศาสนามีความเชื่อว่า  พระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก  สร้างทุกสิ่ง  เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์ และคอยบันดาลให้เราพบความทุกข์ ความสุข  ตามกรรมของแต่ละคน

ศาสนาพุทธสอนให้เราเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ใครทำดีต้องได้ดี  ใครทำชั่วต้องได้ชั่ว  ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน  เราทำกรรมอะไรไว้  ต้องได้รับกรรมนั้น   กรรมนั้นจะติดตามตัวไป   ทั้งชาตินี้ตายไปแล้ว โลกนรกวิญญาณ  และชาติหน้า

มนุษย์เมื่อขาดความเชื่อมั่นตนเอง  จึงต้องหันไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย  และมนุษย์จำนวนมากมักไม่ช่วยตนเองให้ถึงที่สุดก่อน ไม่พยายามให้สุดกำลังก่อน อยากได้อะไร ก็ไปบนบานศาลกล่าว
ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้สมหวัง  คนเราเวลาหน้ามืดตามัวขึ้นมาแล้วก็พูดได้ทุกอย่าง โดยที่ไม่คิดว่าสิ่งที่พูดไปนั้นจะทำได้หรือไม่  บางครั้งก็บนในสิ่งที่เหลือเชื่อเกินความสามารถ เกินวาสนาของตนเอง  และบนไว้หลายที่  จนจำไม่ได้ว่าบนอะไรไว้บ้าง  และบนกับใครไว้บ้าง 
      บางท่านเข้าใจว่า  เมื่อไปบนแล้วได้ตามประสงค์จึงจะไปแก้บน  ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องไปแก้
เช่น  บางท่านบอกว่า อยากได้  10 ล้าน ได้มาเพียงแค่หมื่นเดียว  แสดงว่าบนไม่ได้  ดังนั้นของที่บนไว้ก็ต้องลดลงตามส่วน หรือไม่ก็งดไปเลย   หรือ บางคนไปบนขอลูก  ปีแรกยังไม่มี  แต่พอผ่านไป 3 ปี  แล้วมีลูก ตอนนั้นก็ลืมไปแล้วว่าบนกับใครไว้บ้าง  จำไม่ได้ ….อย่างนี้เป็นต้น 
      ความจริงแล้วการบนบานศาลกล่าว  เป็นการติดสินบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทวดา  ถือเป็นพันธะสัญญาที่ต้องชดใช้   การที่คนเราจะได้สิ่งที่บนไว้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับวาสนาและกรรมเก่าของตนเองไม่ใช่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทวดาไม่ช่วย  ที่มีบุญวาสนาช่วยได้ก็อาจได้รับ  แต่ที่ไม่เคยทำบุญเลย
ไม่มีวาสนาจะได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เทวดาก็ฝืนกฎแห่งกรรมไม่ได้  อย่างนี้เมื่อบนแล้วถือเป็นพันธะสัญญา  แม้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เทวดาจะไม่เอาเรื่องเอาความ  แต่เหล่าตีนโรงตีนศาลเหล่าบริวารที่เป็นวิญญาณพเนจรที่เป็นผู้รับเรื่องที่จะช่วย  จะคอยติดตาม คอยทวงหนี้อย่างไม่ลดละ  อันนี้จะทำให้เกิดหนี้กรรมใหม่ได้ ….

ลืมแก้บน   จำไม่ได้  ทำอย่างไร…
1.  เริ่มจากการถือศีล 8  สามวัน  ห้าวัน  เจ็ดวัน  สิบวัน  ตามศรัทธาใจ  แล้วปฏิบัติธรรมสวดมนต์ไหว้พระ  พร้อมด้วยกาย  วาจา  ใจ  ฝึกสติ  นั่งสมาธิ แผ่เมตตา  เป็นการแก้บนด้วยกายปฏิบัติบูชา
2.  เมื่อปฏิบัติข้อ 1  ถึงวันสุดท้าย  ก็จัดเครื่องเซ่นบวงสรวง  มีอาหารคาว  หวาน น้ำ  เหล้า ข้าวเปล่า  ผลไม้  ดอกไม้เครื่องหอม  และอื่นๆ  (จัดได้ตามกำลังเงินที่มีมากน้อยตามแต่ใจ)
-จัดวางเครื่องเซ่นบวงสรวงบนโต๊ะ (ปูผ้าขาว)  กลางแจ้ง
-เริ่มด้วยการ  กล่าวชุมนุมเทวดา  แล้วอัญเชิญเทพพรหมทุกชั้นฟ้า   เทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงเจ้าที่เจ้าทาง  เจ้าป่าเจ้าเขา  เจ้าเรือน    ครูอาจารย์  ผู้มีพระคุณ  รวมทั้งเจ้ากรรมนายเวร  ที่เราได้เคยบนบานไว้แล้ว  สมหวังบ้าง  ไม่สมหวังบ้าง  จำได้ก็ดี จำไม่ได้ก็ดี  จงมารับเครื่องบวงสรวง สักการะเหล่านี้  และผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติดีแล้วนี้ถวายแด่ท่าน ขอให้ท่านทั้งหลายจงรับและอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญฯ สุดท้ายจะขอพรด้วยก็ได้  ขอเฉยๆ  ห้ามบนอีก..
จากนั้นก็ปักธูปลงบนอาหารทุกอย่าง  (ใช้ธูป  36  ดอก ) เมื่อธูปหมดก็กล่าวลาได้ 
บัดนี้  ถึงเวลาอันสมควรแล้ว  ข้าพเจ้าขอลาเครื่องบวงสรวงเหล่านี้  เพื่อเป็นสิริมงคลของผู้  บริโภคต่อไปเสร็จแล้วให้หากระทงใส่อาหารทุกอย่าง ๆ ละ เล็กละน้อย  นำไปตั้งไว้ที่ทางสามแพร่งเพื่อให้เหล่าตีนโรงตีนศาล  ผีพเนจรมารับไป แล้วนำอาหารส่วนที่เหลือแจกจ่ายเป็นทานให้คนอื่นๆไป  อันเป็นการได้กุศลแผ่ไปถึงผู้รับบนบานศาลกล่าวทุกรูปทุกนามอีกต่อหนึ่งด้วย แล้วเราก็จะแบ่งอาหารส่วนหนึ่งไปรับประทาน


Monday, March 21, 2016

คาถาตัดต้อ แบบโบราณ

คาถานี้ เป็นคาถาที่แม่ของผู้เขียน ใช้ตัดต้อเนื้อและต้อสาร ซึ่งสมัยนี้เรียกว่าต้อหิน ต้อกระจก

ขอบารมีพระพุทธเจ้า5พระองค์ บารมีพ่อท่านคล้ายจงมาปัดเป่าโรคภัยให้ลูกหลานด้วยเถิด
สุดท้องน้องเพื่อนทั้งหลาย   ตัดต้อต้อหาย
ตัดสายสายขาด   ต้อสายฟ้าฟาด
ตัดแล้วให้ขาด     ต้อเห้อต้อเหอ
พุทธธังต้อหาย ธัมมังต้อหาย สังฆังต้อหาย
ขอให้หายด้วยนะ นะ โม พุท ธา ยะ

แล้วเป่าไปที่ตาของคนเป็นต้อนั่นแหละค่ะ

แต่ถ้าให้ตรงตามขั้นตอน พิธีจริงๆแล้วนั้น ต้องทำดังนี้
1.กะลาตาเดียว
2.ครกโบราณ
3.คนตัดต้อต้องเป็นคนสุดท้อง (คนที่สืบทอดคาถานี้ บริกรรมคาถานี้ จะต้องเป็นคนน้องสุดท้อง) ถ้าคนอื่นคาถาจะไม่ได้ผล
 4.เนื้อหมู ข้าวสาร  (หากคนเป็นต้อกระจกแบบตาแดงทั้งตาให้ใช้เนื้อหมู ถ้าตาเป็นต้อแบบเป็นเม็ดสีขาว ก็ให้ใช้ขาวสาร
5.มีด  (ใช้หั่นเนื้อ และข้าวสารเวลาเอามาตั้งบน กะลาตาเดียว)


 ตัวของคนที่ใช้คาถานี้ ต้องถือศีล5ตลอดชีวิต และต้องไม่เดินลอดราวตากผ้าด้วย และห้ามกินเนื้อวัวมิเช่นนั้น คาถาจะเสื่อม เมื่อจะตัดต้อให้ใคร ก็ต้องเอาตัวของคนที่เป็นต้อนี่แหละ พาไปนั่งลงที่ครกโบราณ แล้วตัวผู้ท่องคาถาถือกะลาและมีด ดูตาผู้เป็นต้อว่าเป็นต้ออะไร แล้วก็เอาเนื้อหมูหรือข้าวสารตั้งกลางกะลา (ให้ถูกต้องตามต้อที่ผู้นั้นเป็น) ผู้ท่องต้องระลึกถึงครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย และพระพุทธเจ้า5พระองค์ และพ่อท่านคล้ายผู้เป็นเจ้าของคาถา แล้วก็เริ่มบริกรรมคาถา แล้วเป่าไปที่ตาของผู้เป็นต้อ แล้วก็เอากะลาและมีดมาไว้ในระดับของตาผู้ตัดและตาของเราประสานกัน แล้วก็ตัดชิ้นเนื้อ หรือข้าวสารนี้แล  ทำ 3 จบ  ต้องมาทำให้ครบ 3 มื้อ นะคะ จึงจะหายขาด   ผู้เขียนเห็นทุกคนทีมาให้แม่ตัดให้ ก็จะหายทุกคนนะคะ แม่ไม่คิดค่าบริการค่ะ ก็แล้วที่ผู้เป็นต้อ จะให้ เพื่อทำบุญนะคะ  บางคนก็ ซื้อ กล้วย  นม มาให้ บางคนก็ให้ 100 บาท    แม่จะมีความสุขมากที่ได้ช่วยเหลือผู้คนที่เป็นต้อมากกว่า ค่ะ บางคนก็มาจากต่างจังหวัดก็มี 
ปัจจุบัน คุณแม่ของผู้เขียน ได้เสียชีวิตแล้วด้วยโรคชรา ในวัย 84 ปี  ซึ่งยังไม่มีใครเป็นผู้สืบทอดจากท่าน เนื่องจากบุคคลในครอบครัว ไม่มีใคร เป็นลูกคนสุดท้องจริงๆ เลยสักคน  


บางคน แม่มีการตั้งครรภ์ และเด็กตายในครรภ์เพราะฉะนั้น ก็จะไม่นับว่าเราเป็นลูกคนสุดท้อง ค่ะ ส่วนตัวผู้เขียนนั้น เป็นลูกคนสุดท้อง คุณแม่อยากให้รับสืบทอดแต่ด้วย ว่าเราเป็นคนที่ไม่ค่อยเคร่งครัดในศีลธรรมเท่าไหร่  และไม่กล้าที่จะ ตัดให้ใคร กลัว เขาไม่หาย แล้วตัวเรา จะเสียใจและหมดความเชื่อถือ 

คำขอขมาและอธิษฐานจิต


(สำหรับอธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือสวดก่อนนอน)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ๓ จบ

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินบิดา-มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วยกาย วาจา ใจ ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมา ข้าพเจ้าขออนุญาตมีคู่ มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีตขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระ


ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใด ๆ โรคภัยใด ๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม ตั้งแต่บัดนี้จนตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ

ข้าพเจ้าขอถอนคำสัญญา คำสาบาน คำอธิษฐาน ที่ผูกมัดตัวเองและผู้อื่น ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระจากสัญญาทั้งปวง (หากข้าพเจ้าหมดอายุแล้ว ข้าพเจ้าขออยู่ต่อเพื่อสร้างบารมี)


หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความอาฆาต ความพยาบาท และคำสาปแช่งในทุกชาติ ทุกภพ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรม ขอให้พ้นจากนรกภูมิ และพบแสงสว่างทั้งทางโลกและทางธรรม
....................................................................................................................................................................



กรรมที่ทำให้เนื้อคู่ไม่ดีหรือไม่มีคู่ และวิธีแก้กรรมเรื่องคู่

เรื่องเนื้อคู่นั้นตามหลักความเป็นจริงทุกๆคนจะมีเนื้อคู่แท้เป็นของตัวเอง

แต่จะมีสักกี่คนที่จะได้เกิดมาร่วมกันเป็นเนื้อคู่แท้ และมีอีกหลายคนที่จะได้อยู่ร่วมกับคู่ครอง คู่กรรม คู่อื่นๆที่ยังไม่ใช่เนื้อคู่แท้
ต้องแจ้งให้ทราบว่า ดวงคนเราทุกคนนั้นตามหลักความจริงมีเนื้อคู่แท้กันทุกคน
แต่ใครจะได้เกิดมาอยู่ร่วมกับเนื้อคู่แท้ของตนเท่านั้นเอง ที่พิมพ์แจ้งอย่างนี้ก็เพราะกรรมแต่ละคนทำมาไม่เหมือนกัน
บางท่านทำกรรมกับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ของตนมามากมาหลายภพชาติ
ก็จะทำให้เกิดมาในชีวิตนี้จะไม่ได้เจอและอยู่ร่วมกับเนื้อคู่ของตน
และจะได้ใช้กรรมกับคู่กรรม คู่ครอง คู่อื่นๆที่ไม่ใช่เนื้อคู่แท้ทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานดั่งเช่นทุกวันนี้

วิธีแก้กรรมเรื่องเนื้อคู่

1. ความซื่อสัตย์ต่อคนรัก
2. ความมั่นคงในความรัก
3. การไม่คิดและนอกใจต่อคนรัก
4. การไม่ผิดคู่ ลูก สามี หรือภรรยาใคร
5. ไม่พูด ไม่ทำให้คนที่รักกันต้องแตกแยกจากกัน (รักกันด้วยความถูกต้องด้วยความดี)
6. และสุดท้ายที่ห้ามทำอย่างเด็ดขาดคือการเป็นพ่อสื่อ แม่สื่อให้กับใคร เพราะจะเป็นกรรม ทำให้เราเกิดมาต้องพลัดจากคู่ครอง คู่แท้ คู่รักของตน

และคุณรู้ไหมว่าที่คุณเกิดมาในชีวิตนี้เกิดมาแล้วไม่เจอเนื้อคู่ ไม่ได้ครองรักกับเนื้อคู่แท้
เพราะคุณต้องผิดในข้อใดข้อหนึ่งในเรื่องการแก้กรรมเรื่องเนื้อคู่ที่พิมพ์แจ้งดั่ง ข้างต้น 6 ข้อนี้ เอง
แต่ถ้าในชีวิตนี้คุณ มีพร้อมทั้ง 6 ข้อ แต่ยังโดนคนรักไม่ซื่อสัตย์ต่อคุณ คุณจงยินดีกับการที่ได้รับเช่นนั้น
เพราะคุณได้ใช้กรรมในอดีตที่เคยทำมา ไม่ว่ากรรมจะมาจากอดีตชาติใดก็ตาม เพราะกรรมเก่านั้นย่อมส่งผลตามมาทุกชาติ
ถ้าเราได้ใช้กรรมมากเท่าใด จะเป็นผลดีกับตัวเราเอง ดีกว่าไปใช้กรรมในชาติต่อๆไปซึ่งจะเป็นทุกข์ไม่สิ้นสุด
รีบใช้กรรมให้หมด และอย่าสร้างกรรมในชีวิตปัจจุบันนี้ให้มากละ เพราะมันจะส่งผลต่อๆกันไปทำให้กรรมมากยิ่งขึ้น
ทำกรรมในชีวิตปัจจุบันด้วยความดีความถูกต้อง แล้วศร ดวงของคุณจะชี้ไปในทางทีดี
เกิดในชาติ ภพใดก็จะมีแต่ความสุขความเจริญ และมีคู่รักที่ดีอยู่เสมอ

และการแก้กรรม ถ้าทำได้ดั่งเช่นที่ได้พิมพ์แจ้งให้อ่านมา คุณจะแก้กรรมเรื่องความรักได้ถูกต้องอย่างแท้จริงนี้คือหลักกรรม ที่ต้องแก้ด้วยกรรม
คือการกระทำของตัวคุณเอง เคยทำอย่างไรต้องได้อย่างนั้น และกรรมไม่มีใครแก้ให้เราได้ นอกจากตัวเราเอง ด้วยเหตุ และผล
ถ้าไม่มีเหตุผลในปัจจุบันคงไม่เกิดขึ้นมา คิดด้วยปัญญาแล้วคุณจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างรู้เท่าทันทีเดียว  

การแก้กรรมเรื่องคู่ต่างๆ

1. แก้กรรมร้างคู่
คนบางคนขาดคู่แท้ คู่ถาวรเพราะวิบากกรรม ชาติก่อนอาจเคยทำให้คู่รักต้องเลิกกันไปโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม หรืออาจเคยพรากคู่รักให้แยกจากกัน หรือเคยยุยงให้เขาแตกกัน หรือขัดขวางมิให้เขาได้ครองคู่กัน
การแก้กรรมดวงที่ร้างคู่ให้ปฏิบัติ ดังนี้

1.1 ถวายเทียนคู่หรือแจกันคู่
ถวายให้ครบ 9 วัดอย่างต่อเนื่อง จะทำบุญเดือนละ 1 วัดหรือ 2 วัดก็ได้ตามแต่สะดวก
ให้ถวายในวันเกิดของตน เช่น คนเกิดวันพุธ ก็ไปทำบุญวันพุธ อธิษฐานจิตขอทำบุญเพื่อแก้วิบากกรรม ตั้งจิตภาวนาขอพรเรื่องคู่ตามที่หวัง
(สามารถถวายสิ่งของอื่นแก่วัดได้ แต่ควรถวายสิ่งของที่ใช่เป็นคู่ เช่น เชิงเทียน)

2. แก้กรรมชีวิตคู่ไม่ราบรื่น
อาจเป็นเพราะชาติปางก่อน ทำบุญร่วมกันโดยไม่เต็มใจ
จึงเกิดมาเป็นคู่กัน แต่ความสัมพันธ์ไม่ราบรื่น
หรือเมื่อครั้งที่เคยเป็นคู่กันนั้น ขาดความปรองดองต่อกันหรือร่วมมือกัน จึงต้องมาทะเลาะเบาะแว้ง ให้แก้กรรมโดยปฏิบัติ ดังนี้

2.1 ร่วมใจกันทำบุญตักบาตรพระสงฆ์อย่างสม่ำเสมอ ต้องเป็นประจำสม่ำเสมอ ทุกกเช้า วันเว้นวัน หรือทุกอาทิตย์
2.2 ร่วมกันทำบุญถวายสังฆทานสม่ำเสมอ ทุกเดือน หรือ ทุก 3 เดือน
2.3 ร่วมกันสวดพระคาถาบท ทุกวันพระเป็นเวลา 3 เดือน จากนั้นสวดทุกวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ
2.4 เป็นเจ้าภาพหรือร่วมเป็นเจ้าภาพ เกี่ยวกับงานเลื้ยงวิวาห์ ออกแรงหรือออกเงินช่วยงานแต่งงานของคู่บ่าวสาวที่ไม่รวยนัก ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่ที่เรารู้จักคุ้นเคยดี
2.5 ตั้งตนชอบอยู่ในจริยธรรมอันดี คิดดี พูดดี และทำดีต่อคู่รักทุกคู่ มิว่าจะรู้จักกันดีหรือไม่ ช่วยให้คู่รักเขาได้สมรักหรือได้เข้าใจกัน ไม่ทำให้เขาแตกร้าวกัน จะได้อานิสงค์แรงมาก


3. แก้กรรมคู่ไม่สมพงศ์ดวงกัน
คู่ที่มีดวงไม่ถูกโฉลกกัน หรือไม่สมพงศ์กันในทางพื้นเรือนชะตา เมื่อมาครองคู่ด้วยกันแล้ว
ชีวิตมักจะขรุขระไม่ราบรื่น มีอุปสรรคให้ฟันฝ่าจนเหนื่อยเสมอ หรืออาจมีความลุ่ม ๆ ดอน ๆ ก้าวหน้าช้า
มีความขัดสน หรือมีปัญหาอื่น ๆ ที่ทำให้หาความสุขสบายแท้จริงไม่ได้ ให้แก้กรรม ดังนี้

3.1 ร่วมกันทำบุญ ทำทานสม่ำเสมอ ทำบุญด้วยการออกแรงแทนเงินก็ได้ นำข้าวของไปบริจาคคนยากไร้ ไปอาสาช่วยงานบุญที่วัด
3.2 ร่วมกันตักบาตรพระสงฆ์
3.3 ไปไหว้พระ ทำบุญเติมน้ำมันตะเกียงร่วมกัน
3.4 ไปไหว้ศาลหลักเมืองด้วยกัน
3.5 ร่วมกันปล่อยนก ปล่อยปลาย ปล่อยหอยขม โดบไปซื้อปลาที่ตลาดสดมาปล่อย หรือไถ่ชีวิตสัตว์
3.6 ร่วมกันล้างบ้าน จัดบ้านใหม่ ไหว้พระที่บ้าน ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง

4. อธิษฐานขอฟ้าให้พบหน้าคู่แท้
ต้องฟังผู้หลักผู้ใหญ่หรือคนในครอบครัวที่สูงวัย ที่ให้คำแนะนำ ตรงนี้เป็นบุญประการหนึ่ง บุญนี้จะหนุนนำให้ได้คู่ที่ดี ให้ได้ลูกที่ดีในลำดับต่อไป ต่อมาเป็นเรื่องของการทำบุญ คือไม่ทำให้คุณพ่อ คุณแม่เดือดร้อน ปู่ย่าตายายเดือดร้อน ร้อนกายร้อนใจว่าเราเอกเขรกเกเร ทั้งนี้จะเป็นบุญกุศลหนุนนำให้เราได้พบคู่รักอันเป็นคู่แท้ประการหนึ่ง อีกหลาย ๆ ประการที่กล่าวถึงดังต่อไปนี้ ถือว่าเป็นบุญกุศลในเรื่องที่จะให้สมหวังในความรักทั้งนั้น

การกตัญญูกตเวทิตาต่อบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ในวงศ์ตระกูล ทำบ้านให้ร่มเย็นเป็นสุข การทำบุญกับบ้านเด็กกำพร้า การบริจาค หรือการทำบุญกับบ้านคนชรา การบริจาค หรือการทำบุญให้กับโรงพยาบาลสงฆ์ การบริจาคหรือการทำบุญกับมูลนิธิเพื่อนหญิง หญิงที่ถูกทำร้าย การบริจาคหรือการทำบุญกับโรงพยาบาล เป็นส่วนสำคุญที่จะเป็นบุญแรง เป็นบุญใหญ่ หนุนนำให้เกิดความสุขและความสำเร็จในเรื่องความรัก 

เพราะสถานที่ที่ได้กล่าวถึง มีสื่อทางจิตวิญญาณอันสัมพันธ์เกี่ยวกับบุญวาสนาบารมี ที่จะเกื้อหนุนให้เกิดพลังของผลบุญที่เกื้อหนุนในเรื่องของความรักและชีวิตครอบครัว เมื่อทำบุญแล้วต้องมีการอธิษฐานบุญ ขอให้ตั้งจิตอธิษฐาน เมื่อท่านสงบนิ่งแล้วให้ระลึกถึงสิ่งที่เป็นผลบุญที่ได้กระทำอันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ท่านได้ทำบุญมา และให้อธิษฐานว่า

ขอให้ข้าพเจ้า ชื่อ-นามสกุลของท่าน ขอให้ประสบความสุข ความสำเร็จโดยเฉพาะในเรื่องของชีวิตคู่ เรื่องของครอบครัวขอให้มีความสุข ขอให้ได้พบคู่แท้ดังที่ปรารถนา หากใครก็ตามที่เป็นคู่แท้ ก็ขอให้พบโดยเร็วพลัน ขอให้ได้เรียนรู้ ขอให้อย่าได้พบกับคนที่หลอกลวง แต่ถ้าหากใครคิดจะหลอกลวง ทำร้าย ทำลายน้ำใจให้มีความรู้สึกเจ็บช้ำ 

จงอย่าได้กล้ำกลายเข้ามา ขอให้ห่างไกลหลีกลี้หนีไปจากบารมี หลีกลี้ไปจากเรา ขอให้มีบารมี บุญบารมีธรรมคุ้มครองเราด้วยเถิด หากใครเป็นคู่แท้แล้วไซร้ก็ขอให้จงมีโอกาสเข้ามาใกล้ ประดุจเทพอุ้มสม คือเทพหนุนนำ เทวดาชักพา ให้เกิดการพบหน้า มีจิตประภัสสรให้เกื้อหนุนกันต่อไป จากปัจจุบันถึงอนาคตด้วยเถิด สาธุ”

อะไรประมาณนี้ ท่านก็จะสมหวังตามที่ปรารถนา ส่วนอธิษฐานมีส่วนเหมือนกัน กล่าวคือ ท่านที่เกิดวันอาทิตย์นั้น การอธิษฐานควรจะอธิษฐานหรือทำบุญในวันอาทิตย์หรือวันพฤหัสบดี ท่านที่เกิดวันจันทร์ควรจะทำบุญอธิษฐานขอพรจากเทวดาฟ้าดิน ในวันจันทร์หรือวันพุธ 

ส่วนท่านที่เกิดวันอังคารควรขอพรจากเทวดาฟ้าดินในวันอังคารและวันศุกร์ ท่านที่เกิดวันพุธกลางคืนควรอธิษฐานขอพรในวันพุธกลางคืนและวันเสาร์ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของการอธิษฐานขอฟ้าให้พบหน้าคู่แท้ หวังว่าท่านคงไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อความสุขของท่านเองและคนรอบข้าง ให้สมหวังดังที่ปรารถนา พบรักในเร็ววัน